วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ปักกิ่ง (Pekingese)

มารู้จักสุนัขพันธ์ปักกิ่งกันเถอะ.....



ปักกิ่ง (Pekingese)

 หมา ปักกิ่งหรือที่ฝรั่งเรียกว่าพันธุ์ ‘พิคินีซ’ เกิดขึ้นจากฝีมือการผสมของคนจีนเพื่อให้ได้หมาจิ๋วถูกใจเจ้านายชั้นสูงใน ปักกิ่งสมัยนั้นคนจีนมีความสามารถพิเศษในการทำอะไรๆ ให้เป็นแคระไม่ว่าจะเป็นหมาหรือต้นไม้อย่างบอนไซหมา ปักกิ่งหน้าย่น ขนนุ่ม และหางขอดเหมาะที่จะเป็นของเล่นมากกว่าจะใช้ประโยขน์อื่นๆในครั้งกระโน้น บรรดาเจ้านายจึงเก็บหมาพวกนี้ไว้เล่นในพระราชวังฤดูร้อนพวกไพร่ฟ้านอกกำแพง วังเองก็ไม่เคยเห็นประมาณ ค.ศ. ๑๘๖๐ พวกฝรั่งเข้าเมืองจีนได้ เห็นหมาของเล่นก็ถูกใจส่งกลับไปบ้านเมืองตัว ควีนวิคตอเรียจึงเป็นฝรั่งคนแรกๆ ที่มีหมาปักกิ่งไว้เล่น

ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสุนัขส่วนมากเมื่อ เขียนถึงพันธุ์ปักกิ่งก็จะเริ่มต้นว่าพันธุ์ปักกิ่งเกิดขึ้นมานานแล้วเป็น เวลาหนึ่งหรือสองพันปีขึ้นไปสุนัขสายพันธุ์ปักกิ่งที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน นั้นจะคล้ายคลึงกับสุนัขขนาดเล็กของจีนยุตโบราณ ย้อนเวลากลับไป มีหลักฐานว่าคนจีนเลี้ยงสุนัขขนาดเล็กมาตั้งแต่ 1500 ปีก่อนแล้ว ในปี ค.ศ. 565 พระเจ้าจักรพรรดิประเทศจีนทรงพระราชทานนามสุนัขของพระองค์ว่า "ชิ ซู" หรือ "เสือแดง" เป็นสุนัขเปอร์เซียน เมื่อพระเจ้าจักรพรรดิทรงม้า "เสือแดง"จะขึ้นไปนั่งบนตะกร้าที่ผูกไว้ด้านหน้าอานม้า ในปี ค.ศ. 620 มีบันทึกว่าสุนัขตัวผู้ตัวเมียคู่หนึ่ง สูงประมาณ 6 นิ้ว ถูกนำขึ้นทูลเกล้าฯถวายจักรพรรดิเกาสู บันทึกอ้างว่าสุนัขคู่นี้มีความเฉลียวฉลาดมากสามารถนำทางม้าในเวลากลางคืน

     หลักฐานทำนองนี้สืบเนื่องกันมากจนกระทั่งกลางคริสต์ศตวรรษที่ 14 เมื่อราชวงศ์ของกุบไลข่านถูกพิชิตลง บันทึกหลักฐานต่างๆ ก็หมดสิ้นลงไปด้วยเป็นเวลาสืบเนื่อง 33 ปี เรารู้แต่ว่าคนจีนหันมานิยมเลี้ยงแมวแทนสุนัขโดยเฉพาะในสังคมชั้นสูง ธรรมเนียมการเลี้ยงสุนัขขนาดเล็กของจีนมาพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดระหว่างปี ค.ศ. 1820 ถึง 1850 ในช่วงเวลานั้นมีสุนัขอยู่หลายพันธุ์ในนครปักกิ่ง พวกขันที 4000 คนยังมีหน้าที่เฉพาะในการผลิตเพาะสุนัขแบบที่เราเรียกว่า "พันธุ์ปักกิ่ง" ด้วยพระนางซูสีไทเฮาทรงเป็นผู้ทำนุบำรุงกิจกรรมนี้พระนางยังทรงกระตุ้นให้ สร้างรูปแบบพันธุ์คล้ายกับ "สุนัขสิงห์โต" แบบเก่ากิจกรรมข้อหนึ่งก็คือจัดร่างกฎเกณฑ์แบบเฉพาะของสุนัข ข้อความที่นำมาเสนอแบบย่อๆมีดังนี้ "จงให้มันสวมคลุมขนแห่งความสง่ารอบๆ คอ ขาคู่หน้าของมันจะต้องโค้งเพื่อไม่ให้มันเดินออกไปไกลๆ หรือเดินออกนอกเขตพระราชฐานจงสอนมันให้ละเว้นการเตร็ดเตร่ไปมา ให้มันมีขนเหมือนสิงห์โตเหมาะที่จะอุ้มไว้ในชายแขนเสื้อคลุม …" กฤษฎีกานี้ยังกำหนดต่อไปถึงอาหารของสุนัขเช่น "หูฉลาม" "ตับนก" และ "ส่วนอกนกกระทา"เราอาจจะไม่ถือเรื่องนี้เป็นจริงเป็นจังนักอย่างไรก็ตามหลัก ฐานนี้ทำให้เรารู้ว่ามีสุนัขพันธุ์ปักกิ่งเกิดขึ้นมาแล้วและมักจะพบสุนัข พันธุ์นี้ในพระราชวังเท่านั้นในสมัยก่อนผู้ใดขโมยสุนัขนี้จะได้รับโทษถึง ประหารชีวิตพระราชวังแห่งปักกิ่งถูกชาวต่างชาติบุกเข้ายึดครองเมื่อปี ค.ศ. 1860 ก่อนการสูญเสียมีคำสั่งจากพระราชวงศ์ว่าให้สุนัขตายไปเสียดีกว่าจะให้ตกอยู่ ในมือของคนต่างชาติเจ้าฟ้าหญิงพระองค์หนึ่งไม่ยอมเสด็จหนี ทั้งไม่ยอมให้ทหารดรากูนเข้าจับกุมด้วยทรงปลงพระชนม์ชีพของพระองค์เอง แต่ไม่ได้ทำลายสุนัขที่เลี้ยงไว้สุนัขปักกิ่งสี่ตัวถูกทหารยึดได้ ตัวหนึ่งถูกส่งขึ้นทูลเกล้าฯถวายแด่พระราชินีวิคตอเรีย อีก 3 ตัวที่เหลือยุคแห่งริชมอนด์เลี้ยงดูไว้ต่อมาก็มีผู้นำตัวอื่นๆ เข้าสู่อังกฤษอีก ตัวหนึ่งได้นำถวายควีนวิคตอเรีย ส่วนอีก 3 ตัวมอบให้ LORD HAY และได้แพร่พันธุ์กระจายไปทั่วไปโลกซึ่งก็หมายถึงการเลี้ยงดูเพาะสร้างสาย พันธุ์ที่ตามมา

     เรื่องราวเหล่านี้อ่านแล้วเหมือนนิยายแต่ก็เป็นเรื่องจริง เรื่องคล้ายนิยายและความเกี่ยวพันกับราชวงศ์ซึ่งเป็นของสูงนี้ทำให้พันธุ์ ปักกิ่งได้รับความนิยมอย่างใหญ่หลวงตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 8 มีชื่อเรียกอีกหลายชื่อ เช่น LION DOG SUN DOG หรือ STEEVE DOG ปักกิ่งเป็นสุนัขขนาดเล็กที่น่าสนใจที่สุดและมีบุคลิกลักษณะที่ผิดธรรมดาที่ สุดมันมีลักษณะผสมกันประหลาดๆ ของความขบขันและความทรนงเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ด้วยทั้งยังมีความหัวแข็ง ดื้อรั้นอย่างน่าทึ่งบางครั้งก็ไม่ยอมรับคำสั่งโดยเด็ดขาด พวกมันชอบเก้าอี้นวมบุแพรไหมแต่ถ้ามีอารมณ์สนุกแล้วก็อกไปวิ่งไล่จับกระต่าย เลยลักษณะเฉพาะตัวเหล่านี้ทำให้สุนัขพันธุ์นี้พุ่งขึ้นไปสู่ระดับสุดยอด พันธุ์ปักกิ่งไม่เคยหลุดออกจากยี่สิบอันดับแรกสุนัขยอดนิยมของอังกฤษ (Top Twenty) และยังคงติดอันดับสูงมาจนทุกวันนี้ สำหรับในสหรัฐอเมริกานั้นทั้งๆที่พันธุ์ปักกิ่งเพิ่งเข้าไปเมื่อต้นคริสต์ ศตวรรษที่ 20 แต่ก็เป็นสุนัขระดับยอดนิยม



 
มาตรฐานสายพันธ์
ศีรษะ
มีขนาดใหญ่ แข็งแรง กว้างและแบน ในช่วงระหว่างหูทั้งสองข้างจะต้องไม่มีโค้ง
นูนเป็นโดม มีระยะระหว่างตาทั้งสองข้างกว้าง

จมูก

จมูกสีดำ กว้าง สั้นและแบน

ตา

ตาโต สีเข้ม กลมนูนเด่นประกาย

สต๊อป

หรือรอยต่อระหว่างสันจมูกกับหน้าผากจะต้องลึกมาก

หู

มีลักษณะเป็นรูปหัวใจ ไม่อยู่สูงเกินไป ยาวพอสมควร ปลายหูอยู่ระดับต่ำกว่าช่วง
ปากเล็กน้อย ห้อยตกลงแนบแก้ม ปกคลุมด้วยขนที่ยาวมาก

ช่วงปาก

สั้นมาก กว้าง มีรอยย่น ไม่ยื่นแหลม แข็งแรง ขากรรไกรล่างกว้าง ฟันไม่ยื่นให้
เห็นนอกริมฝีปาก

รูปร่างของลำตัว

ลำตัวช่วงหน้าใหญ่หนักแข็งแรง หน้าอกกว้าง ซี่โครงโค้งกว้างค่อยๆ เรียวลงทาง
ด้านหลัง รูปร่างเหมือนสิงโต หลังเรียบขนานกับพื้น ลำตัวสั้นยกเว้นตัวเมียที่อาจ
ยาวกว่าตัวผู้ได้เล็กน้อย

ขา

ขาสั้น ขาหน้ามีกระดูกช่วงบนโค้ง ไหล่แข็งแรง ขาหลังมีกระดูกที่เล็กบางกว่าเล็ก
น้อย แต่แข็งแรงและได้สัดส่วน

เท้า

เท้าแบน ปลายเท้าเฉียงออก ไม่มีลักษณะกลม จะต้องยืนได้มั่นคงบนเท้าไม่ใช่ยืน
บนข้อเท้า

ลักษณะท่าทาง

ไม่กลัวใคร เป็นอิสระ แข็งแรง ลักษณะการเดินจะมีการโยกตัวซ้ายขวาอย่างนุ่ม
นวล(ROLL)

ขน

ขนยาว มีขนชั้นในที่หนาแน่น ขนมีลักษณะเป็นเส้นตรง เรียบไม่หยิกเป็นคลื่น
 ค่อนข้างหยาบแต่นุ่ม ขนบริเวณสะโพก ขา หางและหูจะต้องยาวและฟูมาก

ขนแผงคอ

ยาวและฟูมาก กว้างเกินหัวไหล่ ปกคลุมตลอดรอบลำคอ

สี

มีได้ทุกสีคือ แดง ฟอน (สีโทนน้ำตาล) ดำ ดำกับแทน (BLACK AND TAN)
เซเบิล (ขนสีดำที่ปกคลุมสีของลำตัวที่อ่อนกว่า) บรินเดิ้ล (ขนสีเข้มและสีอ่อนขึ้น
แซมกันทั่วตัว) ขาวและขน 2 สี (PATICOLOR) คือ จะต้องมีสี 2 สีที่แยกจากกัน
อย่างชัดเจนกระจายอยู่ทั่วตัว ไม่มีสีใดสีหนึ่ง เป็นบริเวณกว้างอยู่สีเดียว จะต้องมี
สีขาวปรากฎบริเวณหลัง สำหรับสุนัขที่มีสีเดียว แต่มีเท้ากับหน้าอกยาว ไม่นับเป็น
ประเภทขนสองสี

หาง

ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่สูง วางพาดไปบนหลัง ปลายหางตกลงด้านใดด้านหนึ่ง มีขน
ยาวตรงแน่นและฟูมาก

ขนาด

เนื่องจากปักกิ่งเป็นสุนัขตุ๊กตา (TOY) จึงนิยมให้มีขนาดเล็ก โดยจะต้องมีลักษณะ
ที่ถูกต้อง น้ำหนักจะต้องไม่เกิน 14 ปอนด์

การแสดงออก

จะต้องแสดงออกถึงต้นกำเนิดเดิมในประเทศจีน คือ มีความกล้าหาญ เป็นตัวของ
ตัวเอง เหมือนสิงโตที่มีขนาดเล็ก มีความเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่กลัวใคร พร้อมที่จะ
ต่อสู้ป้องกันตัวแต่ไม่ดุร้าย ไม่ควรมีลักษณะอ่อนหวานหรือบอบบาง

ข้อบกพร่อง



ลิ้นยื่นให้เห็นนอกปาก ตาเจ็บอักเสบ ขากรรไกรบนยื่นกว่าขากรรไกรล่าง
(OVERSHOT) และปากเบี้ยว (WRY MOUTH)
จมูกสีชมพูหรือสีน้ำตาล (DUDLEY NOSE) น้ำหนักเกินกว่า 14 ปอนด์

ลูกปักกิ่ง ประมาณ 2 สัปดาห์






























































อ้างอิงจาก http://www.musichousethailand.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น